Wednesday, 24 April 2024
ECONBIZ NEWS

รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่อำเภอเหนือคลอง ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจร้านค้าในโครงการ 'พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกระบี่' ครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายสินค้าโครงการ 'พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกระบี่' ครั้งที่ 2 โดยมีผู้แทนพาณิชย์จังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับ ณ หน้าที่ว่าการอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่

โครงการดังกล่าว กำหนดจัด (ตั้งแต่วันที่ 24 - 26 มกราคม 2566) โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป สินค้าส่งเสริมการขายมีจำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย น้ำมันปาล์ม ขวดละ 37 บาท, น้ำตาลทรายขาว กก.ละ 18 บาท, ข้าวหอม (5 กก.) ถุงละ 110 บาท, ข้าวขาว 5% (5 กก.) ถุงละ 70 บาท, หมูเนื้อแดง ราคา กก.ละ 150 บาท, ไข่ไก่เบอร์ 2, 3 แผงละ 90 บาท, ไก่-น่องติดสะโพก ราคา กก.ละ 60 บาท

ม.มหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตซอสจากผัก ทานพอเหมาะ ลดเสี่ยงรับสารก่อมะเร็ง

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตและจำหน่ายซอสจากผัก ภายใต้โครงการวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพ

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ และ ‘ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก’ นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็ก ๆ ที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่เพียงพอ รวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย 

สำหรับงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นั้น ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจากการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต 

ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ ดร. ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผลงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ. ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เกิดจากโจทย์วิจัยว่า ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมส่วนใหญ่กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ คือ กินผักผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วนต่อวันหรือไม่ถึง 400 กรัมต่อวัน ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จากผลสำรวจพบว่ามีคนไทยเพียงประมาณ 4 ใน 10 คน ที่กินผักผลไม้เพียงพอตามเกณฑ์แนะนำในแต่ละวัน ขณะที่เด็กวัยเรียนเพียง 2-3 คน จาก 10 คนเท่านั้นที่กินผักและผลไม้เพียงพอ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมากินผักผลไม้มากขึ้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก การนำผลิตภัณฑ์อาหารที่คนนิยมรับประทานอยู่แล้วมาพัฒนาต่อยอด เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ดังเช่น ในรูปของซอสที่สามารถรับประทานได้กับอาหารประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไม่ชอบกินผัก โดยเฉพาะเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มีปัญหาการบดเคี้ยว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือของสถาบันโภชนาการกับภาคเอกชน เพื่อทำให้ผลงานการวิจัยด้านอาหารและโภชนาการสามารถขยายผลสู่วงกว้าง เข้าถึงประชาชนคนไทยได้ง่ายขึ้น

ขยายความเจริญ!! 'ลุงหนู' ไฟเขียว!! ร่างงบฯ ปี 67 แตะ 2.44 แสนล้านบาท ดันเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม

‘อนุทิน’ นั่งหัวโต๊ะไฟเขียวร่างงบประมาณปี 67 กว่า 2.44 แสนล้านบาท ดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม เร่งสรุปผลงบประมาณรายจ่าย ชงสำนักงบประมาณภายใน 27 ม.ค.นี้

24 ม.ค. 2566 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คณะที่ 3.2 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำของบประมาณบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 108 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,505.6705 ล้านบาท โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของ 7 กระทรวง 26 หน่วยงาน

ทั้งนี้แบ่งเป็น เป้าหมายที่ 1 จำนวน 11 หน่วยงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.)กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.)กรมเจ้าท่า (จท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) (กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) (การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวม 88 โครงการ วงเงิน 243,660.1700 ล้านบาท คิดเป็น 99.65% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) M6 บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1065 สาย อ.พรานกระต่าย-พิษณุโลก

โครงการพัฒนาทาง และสะพานโครงข่ายทางหลวงชนบท สนับสนุนด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย โครงการศูนย์ขนส่งชายแดน จ.นครพนม โครงการปรับปรุงท่าอากาศยาน 16 แห่ง โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต โครงการทางหลวงพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา โครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น

สำหรับป้าหมายที่ 2 จำนวน 15 หน่วยงาน (จท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานสภาพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ/กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน/สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) สถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ม.พะเยา ม.เชียงใหม่ ม.บูรพา และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รวม 20 โครงการ วงเงิน 845.5005 ล้านบาท คิดเป็น 0.35% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนเพื่อรองรับงาน NSW

ผุด “กะตะ วอล์คกิ้ง สตรีท" สร้างย่านธุรกิจการค้าแห่งใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าถึงชุมชน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 นักธุรกิจท้องถิ่นภูเก็ต ลงทุนเปิด “กะตะ วอล์คกิ้ง สตรีท" สร้างย่านการค้าแห่งใหม่ย่านกะตะ จังหวัดภูเก็ต ดึงนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเข้าถึงชุมชนให้มากขึ้น พร้อมตอบโจทย์ Lifestyle กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่

หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต นับเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่หาดกะตะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่มีแหล่งชอปปิ้ง หรือวอล์คกิ้ง สตรีท ไว้รองรับนักท่องเที่ยวมากนัก ดังนั้นเพื่อสร้างแหล่งชอปปิ้ง หรือวอล์คกิ้ง สตรีท เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ได้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง ทางผู้ประกอบการในจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดงาน “กะตะ วอล์คกิ้ง สตรีท" ขึ้น

โดยนายก้าน ประชุมพรรณ์ C.E.O. บริษัท เค.ดับบลิว.พลาซ่า จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ท่องเที่ยวบริเวณหาดกะตะ กะรน ยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รวมตัวกันท่องเที่ยวและพักผ่อนบริเวณหน้าชายหาดเท่านั้น ไม่มีปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ตนจึงมองว่า หาดกะตะ หาดกะรน จำเป็นต้องเร่งพัฒนาย่านท่องเที่ยว ย่านการค้า เพื่อเป็นศูนย์รวมการพักผ่อนและการจับจ่ายใช้ สอยสำหรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อสร้างพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าของคนในพื้นที่ให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวโดยตรง และเป็นการสร้างโอกาศให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย ได้กลับมาสู้อีกครั้งหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ผ่านมา

ปตท. ผุด ‘on-ion’ สถานีชาร์จไฟรถยนต์ EV เต็มรูปแบบ นำร่อง 17 สาขา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล

ออน-ไอออน เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟ EV ด้วยพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา พร้อมเชื่อมต่อความสุข ให้ทุกการเดินทางไม่สะดุด ด้วยจุดบริการทั่วไทย

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 66) นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พร้อมให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด เชื่อมต่อความสุข เดินทางไม่สะดุด จุดบริการทั่วไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

on-ion EV Charging Station พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล อุดรธานี, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล ศาลายา, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล โคราช, เซ็นทรัล พระราม 3 และ เซ็นทรัล พระราม 9 และพร้อมให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้ 

ร้านค้าที่ยะลา คึกคัก เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาสินค้า ต้อนรับตรุษจีนปีกระต่ายทอง ปี 2566 Lot 23 เริ่มต้นของไหว้ชุดละ 99 บาท

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 บรรยากาศต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ปีกระต่ายทอง ปี 2566 ในพื้นที่จังหวัดยะลา ร้านค้าในจังหวัดยะลา คึกคัก จับมือเข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ เปิดจำหน่ายสินค้าจากตลาดเยาวราช มาจำหน่ายที่ยะลา โดยนางผุสสดี จ๋ายเจริญ พาณิชย์จังหวัดยะลา จัดกิจกรรมพาณิชย์ลดราคา ต้อนรับตรุษจีนปีกระต่ายทอง ปี 2566 Lot 23 จับมือร้านเข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย ร้านเฮน เบเกอรี่, ร้านเอกศิลป์และร้านซุนกวงพาณิชย์ ถนน ณ นคร (ตลาดเยาวราชยะลา) อำเภอเมือง จังหวัดยะลา จำหน่ายสินค้าสำหรับไหว้เจ้าราคาประหยัดในช่วงเทศกาลตรุษจีน เช่น ชุดไหว้ตรุษจีน ราคา 99 บาท/ชุด และของไหว้ ราคาไม่เกินชุดละ 95 บาท เพื่อให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ได้ซื้อของไหว้ราคาประหยัดในช่วงเทศกาลตรุษจีน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 มกราคม 2566

ซึ่งในครั้งนี้ ทางร้านได้ให้ความร่วมมือและพร้อมใจกันจำหน่ายสินค้า สำหรับไหว้เจ้าในราคาประหยัด และคาดว่าในปีกระต่ายทอง 2023 นี้ พี่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะออกมาจับจ่ายซื้อหาของไหว้กันเป็นจำนวนมาก มากกว่าปี 2022 ที่ผ่านมา และคาดว่าในปีนี้ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมียอดเงินสะพัด ในการจับจ่ายซื้อหาสินค้าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

ชาวประมงกระบี่รับทรัพย์ วางอวนล้อมจับกลางทะเลกระบี่ คืนเดียวได้ปลาหางแข็งเต็มลำเรือ กว่า 14,000 กิโลกรัม ขายได้กว่า 4 แสนบาท

วันนี้ (17 มกราคม 2566) ที่แพปลาท่าเรือน้ำลึก ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ลูกเรือประมงอวนล้อมจับ (อวนดำ) ของเรือ ว.โชคกมลทิพย์ ของ นายปภังกร บุญสพ ได้ทยอยนำปลาหางแข็งที่จับได้กลางทะเลกระบี่เมื่อคืนที่ผ่านมา ทยอยนำขึ้นจากเรือขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่มารอรับซื้อต่อไปขายตามตลาดสด ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 30 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 400,000 บาท สร้างความดีใจให้แก่เจ้าของเรือและลูกเรือเป็นอย่างมาก ซึ่งถือว่าโชคดีรับปีใหม่

นายเจริญไชย ศรีสุวรรณ์ ประมงจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ ว่า มีเรืออวนล้อมจับ หรืออวนดำ ซึ่งเป็นเรือประมงพาณิชย์ของ จ.กระบี่ ได้ออกทำการประมงเมื่อช่วงเย็นของวันที่ผ่านมา บริเวณทะเลอ่าวกระบี่ ได้พบกับฝูงปลาหางแข็ง จำนวนมาก และได้วางอวนล้อมจับได้นับหมื่นกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 แสนบาท สำหรับปลาที่จับได้มีน้ำหนักแต่ละตัวประมาณครึ่งกิโลกรัม (5 ขีด)

'สมุย เอลเลเฟนท์ คิงดอม' สร้างจุดขาย เดินบนสกายวอล์กชมช้าง รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มรักช้างและท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

วันที่ 17 มกราคม 2566 'สมุย เอลเลเฟนท์ คิงดอม' บนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี สร้างจุดขายใหม่ให้นักท่องเที่ยวเดินบนสกายวอล์กยาวกว่า 400 เมตร ชมความเป็นอยู่ของช้าง ช้างอาบน้ำ และให้อาหารช้าง รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มชอบธรรมชาติ และท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะสมุยมากขึ้น หลังเปิดประเทศฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ได้ไปหันไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ท่องเที่ยวแบบเรียนรู้และศึกษาธรรมชาติ ทำให้ปางช้างเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว และศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับช้างไทย ที่สมุย เอลเลเฟนท์ คิงดอม หรืออาณาจักรช้าง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณน้ำตกหน้าเมือง 2 ที่แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำกิจกรรมอย่างคึกคึก ทั้งดูช้างอาบน้ำ ให้อาหารช้าง เป็นต้น

กลับมาคึกคัก! "ถนนคนเดินเกาะสมุย" นักท่องเที่ยวแห่ชอปปิ้ง เงินสะพัดคืนละ 3-5 ล้าน!

ถนนคนเดินเกาะสมุย บริเวณชุมชนฟิชเชอร์แมน วิลเลจ กลายเป็นแลนด์มาร์กทางการท่องเที่ยวของสมุย เมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมออกมาชอปปิ้ง รับประทานอาหาร ทำเงินสะพัดคืนละ 3-5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวหลายพื้นที่ในเกาะสมุย ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยว การจับจ่ายกลับมามีสีสัน ร้านค้าร้านอาหาร บนเกาะสมุยกลับมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ไม่ต่างจากถนนคนเดินบนเกาะสมุย ที่ชาวชุมชุนถนนเลียบชายหาดบ่อผุด หรือฟิชเชอร์แมน วิลเลจ ทำให้บรรยากาศสีสันการท่องเที่ยวในชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการในชุมชนได้มีการจัดระเบียบ และพัฒนาถนนคนเดิน หรือวอล์กกิ้ง สตรีท จนกลายมาเป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย

โดยถนนคนเดินเส้นนี้มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีร้านค้า ร้านอาหารเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวกว่า 100 ร้านค้า และถนนเส้นนี้อยู่ใกล้กับทะเล เป็นชุมชนเก่าแก่ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงามของชายหาด และท้องทะเลที่สวยงามยามค่ำคืน

นอกจากความสวยงานทางธรรมชาติแล้ว ทางผู้ประกอบการยังจัดให้มีการแสดงโชว์ควงกระบองไฟ สร้างสีสันที่ตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละคืนถนนเส้นนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาเดินชอปปิ้ง ใช้บริการตามร้านอาหารและสถานบริการ ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร แผงลอยที่มาออกซุ้มสามารถขายของได้คืนละ 3-5 ล้านบาท ซึ่งทางกลุ่มผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมไว้รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่กำลังทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเร็ว ๆ นี้

ไม่ง้อรัฐ! เกษตรกรท่าสะบ้า จ.ตรัง รวมกลุ่มทำผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม แก้ปัญหาราคาตกต่ำ

วันที่ 12 ม.ค. 66 เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง คิดหาวิธีแก้ปัญหาราคาตกต่ำ โดยรวมกลุ่มกันนำผลปาล์มมาสกัดด้วยวิธีธรรมชาติ เพื่อเอาน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มาทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ส่งขายออนไลน์ แถมได้ผลตอบรับดี

ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า หมู่ 3 ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการรวมตัวกันของเกษตรกรชาวสวนปาล์มใน ต.ท่าสะบ้า จำนวน 30 คน มีเนื้อที่สวนปาล์มน้ำมันรวมกว่า 500 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐาน เพิ่มผลผลิตต่อไร่ต่อปี ลดต้นทุนการผลิต และคิดค้นพัฒนาต่อยอดแปรรูปผลปาล์มน้ำมัน นำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

ถือได้ว่า กลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า ทำได้สำเร็จเป็นแห่งแรกของไทย ที่ทำในรูปแบบกลุ่มวิสาหกิจเกษตรกร โดยเกษตรกรเจ้าของผลผลิต เพื่อดูดซับปริมาณปาล์มน้ำมันที่ออกสู่ตลาด และแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ โดยไม่หวังพึ่งรัฐในการนำผลผลิตไปใช้ภายในประเทศ

ขั้นตอนในการทำผลิตภัณฑ์ ทางกลุ่มได้นำเอาเมล็ดปาล์มน้ำมันสดจากแปลง ของสมาชิกมาล้างทำความสะอาด จากนั้นผ่านเครื่องแยก และเครื่องสกัดอย่างง่ายแบบธรรมชาติ ก่อนนำไปอบด้วยเครื่องอบไมโครเวฟ และเครื่องอบลมร้อน แล้วเอาไปแยกเปลือกกับเมล็ดในปาล์มออกจากกัน ทำให้ได้น้ำมันปาล์มออกมา 2 ชนิด ประกอบด้วย

1.) น้ำมันปาล์ม (Crude Palm Oil) หรือ น้ำมันปาล์มออย หรือน้ำมันปาล์มแดงบริสุทธิ์ ไม่ผ่านกรรมวิธี ซึ่งจะทำให้มีสีแดง และมีไขแดงอยู่ด้านบน เพราะสกัดจากเนื้อปาล์ม หรือเปลือกสดของผลปาล์ม (ลักษณะฝอย ๆ เหมือนหมูหยอง)

2.) น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (Crude Palm Kernel Oil) สกัดได้จากเมล็ดในของผลปาล์ม

น้ำมันบริสุทธิ์ที่ได้ทั้ง 2 ชนิด โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มแดง สามารถแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ ทั้งกิน ทั้งทา ในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. South Time Thailand
Take Me Top